เปิดตัว Toyota Prius พร้อมเคาะราคา Standard Grade 1.19 ล้าน Top Grade 1.26 ล้าน

มร.เคียวอิจิ ทานาดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมด้วย มร.อากิฮิโกะ โอทซูกะ หัวหน้าวิศวกร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์เปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น และ นายวิเชียร เอมประเสริฐสุข ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมแถลงข่าวแนะนำ Toyota Prius 3rd Generation ครั้งแรกในประเทศไทย ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
รถยนต์ไฮบริดในประเทศไทย

จากความมุ่งมั่นเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม และการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งยึดถือเป็นปรัชญาของ โตโยต้า ในการสร้างสรรค์ และพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ที่ล้ำสมัย ควบคู่ไปกับความรับผิดชอบ ความห่วงใยต่อชุมชน และสิ่งแวดล้อมโลก โดยการมุ่งมั่นพัฒนา เพื่อผลิตรถยนต์ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด ซึ่งไม่ได้พัฒนาเพียงแค่ระบบการทำงานของเครื่องยนต์ แต่รวมถึงกระบวนการผลิต โดยการนำวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่มาเป็นวัตถุดิบ เพื่อลดปริมาณของเสียและประหยัดพลังงาน ซึ่งถือเป็นความรับผิดชอบ เพื่อสร้างสรรค์อนาคตที่ดีของโลกและมนุษยชาติ

รถยนต์ไฮบริดรุ่นแรกของ โตโยต้า คือ Toyota Prius เจนเนอเรชั่น 1 ได้กำเนิดขึ้นครั้งแรกในโลกเมื่อปี พ.ศ.2540 โดยคำว่า พริอุส ในภาษาลาตินหมายถึง ‘ผู้ที่ไปถึงก่อนใคร’

ในปี พ.ศ.2552 Toyota camry Hybrid ได้ทำการผลิตขึ้นในประเทศไทย และเป็นประเทศแรกในทวีปเอเชีย โดยเป็นรถยนต์ไฮบริด ขนาดกลาง ที่มาพร้อมเทคโนโลยีอันล้ำสมัย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ประหยัดเชื้อเพลิง และเป็นรถยนต์ที่ให้ความเงียบ รื่นรมย์ตลอดการขับขี่
และในปี 2553 นี้ โตโยต้า ได้ผลิตรถยนต์ไฮบริดในประเทศไทยเพิ่มอีกหนึ่งรุ่น นั่นคือ Toyota Prius เจนเนอเรชั่นที่ 3 ซึ่งนับเป็นประเทศที่ 3 ของโลก สำหรับการผลิต โตโยต้า พริอุส

มร.อากิฮิโกะ โอทซูกะ หัวหน้าวิศวกร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์เปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า “แนวความคิดในการพัฒนา พริอุส ใหม่ คือ การเป็นรถยนต์ไฮบริดที่มีสมรรถนะดีที่สุดในโลก ที่ให้ทั้งความสนุกในการขับขี่ มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่น แต่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์อันโดดเด่นของ พริอุส นั้นคือ ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และประหยัดน้ำมัน”

“โตโยต้า พริอุส มีความโดดเด่นในหลายด้าน อาทิ ประสิทธิภาพของระบบไฮบริดที่ดีเยี่ยม การออกแบบที่ล้ำหน้า การติดตั้งอุปกรณ์ที่มีเทคโลยีล้ำสมัย และ มีสมรรถนะในการขับขี่ที่น่าประทับใจ”

มร.โอทซูกะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ประสิทธิภาพของระบบไฮบริดที่ดีเยี่ยมนั้น เกิดจากการเพิ่มขนาดความจุเครื่องยนต์เป็น 1,800 ซีซี ที่ให้กำลังและแรงบิดดีขึ้น ในขณะที่รอบการทำงานต่ำลง การใช้ระบบ EGR แบบเย็น การใช้ปั้มน้ำไฟฟ้าที่ช่วยลดการใช้สายพานหน้าเครื่อง ตลอดจนมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีขนาดเล็กลง แต่มีความเร็วรอบมากขึ้น อินเวอร์เตอร์ที่มีขนาดเล็กลง แต่ให้กำลังไฟมากขึ้น ทั้งหมดนี้ส่งผลให้อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงลดลง เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า แต่ให้อัตราเร่งเทียบเท่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2,400 ซีซี.”

“นอกจากนี้ การออกแบบภายนอกที่คำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์ ส่งผลให้ พริอุส มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานเพียง 0.25 เท่านั้น นับเป็นค่าที่ต่ำเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ส่วนภายในได้รับการออกแบบโดยเน้นถึงการวางตำแหน่งอุปกรณ์ต่างๆ ให้สะดวกต่อการควบคุม และการมองเห็น พร้อมติดตั้งอุปกรณ์ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยมากมาย เช่น ระบบ Head Up Display ที่สามารถแสดงผลมาตรวัดความเร็ว รถบนกระจกบังลมด้านหน้า การแสดงปุ่มควบคุมพวงมาลัยบนจอมาตรวัดความเร็ว ช่วยให้ผู้ขับสามารถมองเห็นได้ในระดับสายตา เพื่อความปลอดภัยยิ่งขึ้น”

โตโยต้า พริอุส เจนเนอเรชั่นที่ 3 ‘No one else’ แบ่งออกเป็น 2 รุ่น คือ Top Grade และ Standard Grade มี 5 สี ให้เลือก ได้แก่ สีขาว White Pearl (เฉพาะรุ่น Top Grade), สีฟ้า Light Blue Mica Metallic, สีเงิน Silver Metallic, สีดำ Black Mica และ สีแดง Blackish Red Mica

สำหรับราคาของ โตโยต้า พริอุส เจนเนอเรชั่นที่ 3 มีดังนี้

• Toyota Prius 1.8L Top (White Pearl) 1,270,000 บาท
• Toyota Prius 1.8L Top 1,260,000 บาท
• Toyota Prius 1.8L Standard 1,190,000 บาท

พบกับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการต่อสาธารณชนของ โตโยต้า พริอุส ได้ในงาน Motor Expo 2010 : ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์เอ็กซ์โป 2010 ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี และที่โชว์รูมโตโยต้า 320 แห่งทั่วประเทศ
ที่มา toyota,autospinn

ไม่มีความคิดเห็น:

รายการบล็อกของฉัน