บริษัทโตโยต้าเรียกคืนรถ2.17ล้านคันทั่วโลก

โตโยต้า มอเตอร์ ประกาศเรียกคืนรถยนต์ 2.17 ล้านคันทั่วโลก จากปัญหาคันเร่งที่อาจเข้าไปติดค้างพรมปูพื้นรถ

วันนี้ 25 ก.พ.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โตโยต้าระบุว่า รถยนต์ที่ถูกเรียกคืนในครั้งนี้กว่าครึ่งหนึ่ง เป็นการเรียกคืนเพิ่มเติมจากเมื่อปี 2552 จากปัญหาเดียวกัน ประกอบด้วยรถหลายรุ่นที่ผลิตในหลายปี รวมถึงไฮแลนด์เดอร์ จีเอส, อาร์เอ็กซ์, โฟร์รันเนอร์, เล็กซัส แอลเอ็กซ์ 570 และรุ่นราฟโฟร์ เนื่องจากพรมปูพื้นรถได้รับการติดตั้งไม่เรียบร้อย ทำให้คันเร่งอาจเข้าไปติดในพรมจนส่งผลให้รถเร่งความเร็วทั้งที่ผู้ขับขี่ไม่ได้เหยียบคันเร่ง

จนถึงขณะนี้ โตโยต้าต้องเรียกคืนรถจากปัญหาด้านความปลอดภัยแล้วกว่า 14 ล้านคันทั่วโลก แม้จะยังไม่พบว่ามีอุบัติเหตุที่ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ขณะที่รัฐบาลสหรัฐเพิ่งตัดสินให้โตโยต้าพ้นผิด จากการสอบสวนรายงานว่า ระบบโซลินอยด์ที่ควบคุมลิ้นปีกผีเสื้อที่ขัดข้องอาจทำให้คันเร่งทำงานอย่างกะทันหัน

ที่มา เดลินิวส์

โตโยต้าทุบราคา"ไฮบริด"-เบรกภาษีใหม่พีพีวี

เลกซัสเขย่าตลาดรถหรู ทุบราคาเก๋งแฮทช์แบกไฮบริดโมเดลใหม่ “เลกซัส ซีที200เอช” เริ่มต้นเพียง 2.19 ล้านบาท ใกล้เคียงคู่แข่งรถหรูคอมแพ็กต์รุ่นปกติ มั่นใจดันยอดขายพุ่งเท่าตัว ทำสถิติสูงสุดเลกซัสในไทย ขณะที่ “โตโยต้า” เจ้าของแบรนด์ เสียงแข็งเบรกรัฐบาลขึ้นภาษีรถพีพีวี จะส่งผลกระทบต่อการผลิตและลงทุนในไทยเคียวอิจิ ทานาดะ คนที่สามจากซ้าย
เคียวอิจิ ทานาดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ผู้จำหน่ายรถยนต์หรู “เลกซัส” ในประเทศไทย เปิดเผยว่า ปีนี้จะเป็นอีกก้าวสำคัญของเลกซัสในประเทศไทย เพราะได้มีการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ “เลกซัส ซีที200เอช” (Lexus CT200h) สู่ตลาดไทย ซึ่งถือเป็นรถยนต์ไฮบริดแฮทช์แบกคันแรกของโลก และยังเป็นรถขนาดคอมแพกต์ 5 ประตูของเลกซัสด้วย

“เลกซัส ซีที200เอช เป็นรถยนต์ไฮบริดนำเข้าจากญี่ปุ่น ที่มีราคาต่ำเพียง 2.19 ล้านบาทและสูงสุด 2.69 ล้านบาท เชื่อว่าจะเป็นตัวผลักดันให้ยอดขายของเลกซัสบรรลุ 650 คัน ซึ่งถือเป็นยอดขายมากที่สุดของเลกซัสในประเทศไทย นับตั้งแต่เปิดตัวทำตลาดเมื่อปี 1994 โดยตั้งเป้ายอดขายรถรุ่นใหม่นี้ไว้ถึง 330 คัน หรือเทียบเท่ากับยอดขายของเลกซัสทุกรุ่นในปีที่ผ่านมา 336 คัน”

ส่วนสาเหตุที่มั่นใจรถรุ่นใหม่จะผลักดันยอดขายได้สูงเป็นสถิติของเลกซัสในไทย เนื่องจากเป็นรถยนต์ไฮบริดทำให้มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 24.4 กิโลเมตรต่อลิตร สมรรถนะการขับขี่สนุก แต่มีความนุ่มนวลสบาย รูปลักษณ์ทันสมัย และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน แม้จะไม่มีคู่แข่งโดยตรงในตลาดแต่เทียบกับรถหรูใกล้เคียงอย่างบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์1, ออดี้ เอ3 และเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาสแล้ว นับว่ามีราคาต่ำกว่า หรือใกล้เคียง

“เลกซัสเชื่อมั่นจะได้รับความสนใจจากผู้บริโภค และคาดว่าภายใน 2-3 ปีข้างหน้าจะเพิ่มยอดขายเป็น 1,000 คัน และหากสามารถทำให้ตัวเลขยอดขายปรับเพิ่มอย่างต่อเนื่อง เป็นไปได้ที่จะมองถึงการขึ้นไลน์ประกอบในไทย เพื่อรองรับตลาดในประเทศและส่งออกด้วย แต่นั่นต้องมีปริมาณมากกว่า 10,000 คันขึ้นไป” นายทานาดะกล่าวและว่า

ทั้งนี้เลกซัส ซีที200เอช ติดตั้งเครื่องยนต์ 4 สูบ แบบ Atkinson Cycle ขนาด 1.8 ลิตร 99 แรงม้า โดยทำงานผสมผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 650 โวลต์ ให้กำลัง 60 กิโลวัตต์ ทำให้มีกำลังขับเคลื่อนสูงสุดรวมกัน 136 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 10.3 วินาที และเพื่อความมั่นใจของลูกค้า ได้รับประกันแบตเตอรี่เป็นเวลา 5 ปี และรับประกันตัวรถยนต์ 4 ปี โดยไม่จำกัดระยะทาง

สำหรับเลกซัส ซีที200เอช มีให้เลือกทั้งหมด 5 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น Luxury ราคา 2.19 ล้านบาท, รุ่น F-Sport ราคา 2.39 ล้านบาท, รุ่น Premium พร้อมระบบนำทางจราจร ราคา 2.59 ล้านบาท และรุ่น Premium พร้อมระบบนำทางจราจร และมูนรูฟ ราคา 2.69 ล้านบาท โดยปัจจุบันมีสต็อกพร้อมส่งมอบรถให้กับลูกค้ากว่า 40 คัน
เลกซัส ซีที200เอช


นายทานาดะกล่าวว่า ส่วนการที่รัฐบาลกำลังจะปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ทั้งระบบ หากเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมรถยนต์ไทย โตโยต้าพร้อมที่จะสนับสนุนแน่นอน แต่ที่มีข่าวว่าจะปรับภาษีสรรพสามิตรถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก หรือพีพีวี(PPV) ขึ้นนั้น โตโยต้าไม่เห็นด้วยที่จะไปแตะต้องภาษีดังกล่าว

“พีพีวีเป็นรถที่ใช้พื้นฐานมาจากปิกอัพ ซึ่งถือเป็นโปรดักซ์แชมเปี้ยนของไทย หากทำให้ยอดขายพีพีวีลดลงอย่อมส่งผลกระทบต่อการผลิตด้วย ไม่ใช้มีเพียงโตโยต้าแต่ยังมียี่ห้ออื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น อีซูซุ มิตซูบิชิ หรือฟอร์ด และที่สำคัญตลาดกำลังต้องการรถพีพีวีมาก จนโตโยต้าผลิตรถรุ่นฟอร์จูนเนอร์ไม่เพียงพอรองรับต้องโยกกำลังการผลิตบางส่วนไปให้อินโดนีเซีย ซึ่งเราหวังว่าอนาคตจะปรับไลน์ผลิต เพื่อดึงกำลังการผลิตจากอินโดนีเซียกลับมา แต่หากปรับภาษีทำให้ความต้องการลดลง ย่อมทำให้ไทยสูญเสียการผลิตให้อินโดนีเซียไป รวมถึงการลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตใหม่ๆ ด้วย”

สำหรับปัจจุบันโตโยต้ามีกำลังการผลิตรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ รองรับตลาดในประเทศปีละกว่า 2 หมื่นคัน และส่งออกอีกประมาณ 2.9 หมื่นคัน รวมแล้วมียอดการผลิตปีละกว่า 5 หมื่นคัน ถือเป็นปริมาณการผลิตที่มาก หากปรับภาษีสรรพสามิตพีพีวีขึ้น และส่งผลกระทบต่อตลาดภายในประเทศ ย่อมทำให้โอการในการผลิตและการลงทุนเพิ่มในอนาคตของไทยต้องสูญเสียไปอย่างน่าเสียดาย
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

Toyota iQ EV Prototype ต้นแบบไฟฟ้าของ iQ รอเปิดตัวที่ Geneva Motor Show

Toyota ประกาศส่ง iQ EV Prototype หรือ iQ พลังไฟฟ้าต้นแบบไปอวดโฉมที่งาน Geneva Motor Show ซึ่งจะว่าไปแล้วรถรุ่นนี้ก็คือเวอร์ชั่นก่อนที่จะผลิตขึ้นมาในเชิงพาณิชย์ของ FT-EV Concept ที่ได้เคยอวดโฉมไปแล้วในต้นปี 2009 รถต้นแบบของ iQ รุ่นนี้มีแหล่งจ่ายไฟเป็นชุดแบตเตอรี่ลิเธี่ยมไออนแบบ flat ที่ให้ระยะทางทำการที่ประมาณ 105 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง ซึ่ง Toyota จะเริ่มทำการทดสอบการขับในปีนี้ก่อนที่จะทำให้ลูกค้าในยุโรปเช่าใช้ในปี 2012
Toyota จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการให้กับ iQ EV Prototype ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ พร้อมๆกับ Yaris Hybrid Synergy Drive (HSD) Concept, FT-86 II Concept และ Prius+ ขนาด 7 ที่นั่งรุ่นใหม่

ที่มา: Toyota,autospinn

โตโยต้าเผยโฉมยาริส ไฮบริด

งานเจนีวา มอเตอร์โชว์ ซึ่งจะมีขึ้นที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ต้นเดือนมีนาคมนี้ โตโยต้าทำข่าว (ลือ) ที่มีออกมาก่อนหน้านี้ให้กลายเป็นจริง เพราะเตรียมเผยโฉมเวอร์ชันไฮบริดของ “ยาริส” ใหม่ออกมาให้สัมผัสกันอย่างแน่นอน อีกทั้งยังเตรียมรุกตลาดไฮบริดอีกระลอกด้วยอีกเวอร์ชันของพริอุสที่จะใช้ชื่อว่า พริอุส พลัส

ตรงนี้ไม่มีการลือแต่อย่างใด เพราะทางโตโยต้าเผยภาพทีเซอร์ ซึ่งเป็นตัวถังด้านหน้าของยาริส ไฮบริด หรือที่จะแปะป้ายว่า HSD ออกมาให้เห็นกันแล้ว โดยยาริส HSD หรือ Hybrid Synergy Drive จะอิงพื้นฐานตัวรถของยาริส หรือวิตซ์รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นเจนเนอเรชันที่ 3 ของซับคอมแพ็กต์สายพันธุ์นี้ที่เพิ่งเปิดตัวขายในญี่ปุ่นไปเมื่อปลายปี 2010 ที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวว่าโตโยต้าจะผลิตรถยนต์ไฮบริดราคาไม่แพงโดยอิงพื้นฐานของรถยนต์ซับคอมแพ็กต์ออกมาขายแข่งกับฮอนด้า ฟิตที่เปิดตัวรุ่นไฮบริดออกมาเมื่อปีที่แล้ว และข่าวนี้ถูกนำมาโยงเข้ากับยาริสใหม่ที่กำลังมีคิวเปลี่ยนโฉมพอดี แต่ตอนนั้นทางโตโยต้าได้ออกมาปฏิเสธถึงข่าวนี้ไป ก่อนที่จะกลายเป็นจริงในที่สุด โดยยาริส HSD จะมีไลน์ผลิตอยู่ที่โรงงานในประเทศฝรั่งเศส ซึ่งถือเป็นฐานการผลิตของรถยนต์รุ่นนี้ในยุโรปมาตั้งแต่รุ่นแรกที่เปิดตัวปี 1999 อีกทั้งยาริส HSD จะเป็นรถยนต์รุ่นที่ 2 ต่อจากออริส HSD หรือโคโรลล่า ไฮบริดที่ผลิตและเปิดตัวขายในยุโรป

นอกจากนั้น งานเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2011 โตโยต้ายังเตรียมเปิดตัวอีกเวอร์ชันของพริอุส ซึ่งจะใช้ชื่อว่าพริอุส + หรือพริอุส พลัส โดยมากับตัวถังมินิแวนแบบ 7 ที่นั่ง ซึ่งจากข่าวที่เปิดเผยออกมาไม่มีการระบุว่าพริอุส + คือ คันเดียวกับพริอุส V หรือ Versatility ที่เพิงเปิดตัวในดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ 2011 เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาหรือไม่ เพราะในรุ่น V เป็นแบบ 5 ที่นั่ง ซึ่งมีพื้นที่เก็บสัมภาระเพิ่มขึ้นจากรุ่นปกติเท่านั้นเอง

ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

Toyota Prius V : เพิ่มความอเนกประสงค์ให้รถไฮบริด

ถือเป็นครั้งแรกของสายพันธุ์พริอุสกับการขยายทางเลือกของตัวถังใหม่นอกเหนือจากรุ่นปกติที่มีอยู่ในตลาด และแน่นอนว่าพริอุสรุ่นปัจจุบัน หรือเจนเนอเรชันที่ 3 นับจากปี 1997 กำลังจะขยายไลน์ออกมานอกเหนือ จากตัวถังแฮทช์แบ็ก 5 ประตู ด้วยเวอร์ชัน V ที่มีความอเนกประสงค์เพิ่มขึ้นในสไตล์แวกอน

V ถือเป็นหนึ่งใน 2 ตัวถังที่โตโยต้าต้องการขยายไลน์ออกสู่ตลาดโดยใช้พริอุสเป็นพื้นฐานของการพัฒนา ซึ่งคำว่า V เป็นตัวย่อของคำว่า Versatility ที่บรรดานักขับที่รักความอเนกประสงค์ทราบกันดี เพราะมักจะถูกใช้ในการสื่อความหมายถึงรถยนต์แบบแวกอน หรือไม่ก็มินิแวน ซึ่งรถยนต์รุ่นนี้จะเริ่มทำตลาดในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่กลางปี 2011 เป็นต้นไป
อีกตัวถังหนึ่งที่จะเปิดตัวตามมาคือ C หรือย่อมาจาก City จะเป็นตัวถังแฮทช์แบ็กแบบ City Compact เน้นความคล่องตัวสำหรับการใช้งานในเมือง ซึ่งในดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ 2011 เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา แต่ก็ยังเป็นแค่ต้นแบบไม่มีการผลิตขายจริงในตอนนี้ต้องรอจนกว่าจะถึงปีหน้า
แน่นอนว่านี่คือการเพิ่มทางเลือกที่พัฒนาอยู่บนตัวถังและพื้นฐานของพริอุส ในรุ่น V ก็เลยแชร์รายละเอียดทางวิศวกรรมของตัวถังร่วมกับแฮทช์แบ็กที่ทำตลาดอยู่ โดยใช้ชิ้นส่วนตัวถังตั้งแต่ด้านหน้าจนถึงประตูบานท้ายร่วมกัน

แต่โตโยต้าก็ไม่ได้เล่นง่ายๆ แค่นั้น เพราะนอกจากจะออกแบบตัวถังด้านท้ายให้มีความอเนกประสงค์ในสไตล์แวกอนแล้ว ในส่วนของแผงมาตรวัดและแผงหน้าปัดก็ออกแบบใหม่ แตกต่างจากพริอุสอย่างสิ้นเชิง สำหรับในส่วนของรูปทรงโดยรวมของตัวรถซึ่งมีส่วนต่ออัตราความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยนั้น ทางพริอุส V สูญเสียความเพรียวลมของตัวถังเพียงเล็กน้อย เพราะค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน หรือ Cd ของตัวรถลดลงมาอยู่ที่ 0.29 ขณะที่พื้นที่ใช้สอยของห้องเก็บสัมภาระด้านท้ายขยับเพิ่มขึ้นจากรุ่นแฮทช์แบ็กอีกถึง 50% เลยทีเดียว
สำหรับเบาะนั่งหลังสามารถแยกพับได้ในอัตราส่วน 60/40 ช่วยเพิ่มความอเนกประสงค์ในการบรรทุกสัมภาระหลากหลายรูปแบบ แถมเบาะนั่งหน้าฝั่งคนขับยังสามารถพับหนักพิงหลังให้แบนเรียบ เพื่อรองรับกับการบรรทุกสัมภาระที่มีความยาวเป็นพิเศษได้อีกด้วย

การขับเคลื่อนเป็นงานของระบบไฮบริดแบบ HSD-Hybrid Synergy Drive โดยยกชุดขุมพลังไฮบริดรหัส 2ZR-FXE แบบ 4 สูบเรียง 1,800 ซีซี VVT-I พร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้ามาใช้ ซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่ใช้อยู่ในพริอุสรุ่นธรรมดา แต่ด้วยความเปลี่ยนแปลงของตัวรถจากแฮทช์แบ็กมาเป็นแวกอน ตรงนี้ทางโตโยต้าไม่ได้บอกว่าจะมีการปรับในส่วนของกำลังขับเคลื่อนสูงสุดออกมาหรือไม่ เพราะจากเดิมระบบนี้ผลิตออกมาได้ 134 แรงม้า ก็ต้องรอดูสเปกที่แท้จริงของตัวรถกันต่อไป
แต่ที่แน่ๆ คือ ตัวรถรุ่นนี้มีอัตราความสิ้นเปลืองน้ำมันในระหว่างการทดสอบในเมืองอยู่ที่ 42 ไมล์/แกลลอน หรือ 17.02 กิโลเมตร/ลิตร ซึ่งถือว่าประหยัดมาก เพราะระบบไฮบริดจะช่วยตรงนี้อย่างมากในแง่ของการลดความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง โดยเฉพาะเมื่อต้องจอดติดอยู่ในเมือง พริอุส V จะเริ่มทำตลาดในสหรัฐอเมริกากลางปี 2011 ส่วนราคายังไม่เปิดเผยในตอนนี้
Toyota Prius V
Toyota Prius V
Toyota Prius V
Toyota Prius V
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

รายการบล็อกของฉัน