All New Toyota FT - 86


All New Toyota FT - 86 ใหม่จะได้รับกระจังใหม่'หน้าครอบครัวเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมาย บริษัท Toyoda นายคิโอะเพื่อให้รถยนต์ทางอารมณ์มากกว่าอุทธรณ์

แม้ว่ามองหน้าปลายใหม่ยังคงถูกสรุปโตโยต้ายุโรปนาย Didier Leroy กล่าวว่าจะสอดคล้องและเป็นที่รู้จักมากขึ้นกว่าในบรรทัดปัจจุบันขึ้น

ภาพของ Toyota FT - 86 แนวความคิด

รถยนต์ขนาดเล็กจะทำมองเหมือนคนที่ใหญ่มากกว่าในทางกลับกัน

แต่จะยังคงมีรูปแบบระหว่างช่วงแยกพวกเขากับกลุ่มผลิตภัณฑ์เช่น SUVs และรูปแบบการดูกีฬาของตนเอง

แนวคิด FT - 86 coupe, เปิดตัวที่เจนีวามอเตอร์, พบว่าเป็นไปได้ดูหน้าจบใหม่สำหรับโตโยต้า
ที่มา autocar

Toyota Vios โฉมใหม่ ปี 2010

Toyota Vios โฉมใหม่ ปี 2010 วีออสเป็นรถยนต์ที่มียอดขายสูงสุดเป็นอันดับหนึ่ง ทั้งในตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กและตลาดรถยนต์นั่งของประเทศไทย จากการประสบความสำเร็จทางด้านการขายมากมายเช่นนี้ โตโยต้าจึงได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนา วีออส ใหม่ ภายใต้คอนเซปต์ “Make It Happen”

ที่เป็นความท้าทายในการสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้นจริง ทั้งการออกแบบ และพัฒนาคุณภาพให้มีมาตรฐานระดับโลก ดีไซน์ที่ โดดเด่น สปอร์ตหรูหราทั้งภายนอกและภายใน เทคโนโลยีล้ำสมัยระดับโลก สมรรถนะที่ยอดเยี่ยมเหนือระดับ และมั่นใจในการขับขี่ด้วยอุปกรณ์อันทันสมัยทางด้านความปลอดภัย เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า วีออส ใหม่ จะได้รับการยอมรับ และสามารถครองใจลูกค้าทั้งชาวไทย และต่างประเทศได้อย่างภาคภูมิ
วีออส ใหม่
ภายนอก…สะท้อนความโดดเด่นทุกองศา เพิ่มความหรูหราในทุกมุมมอง

กระจังหน้าใหม่พร้อมแถบโครเมี่ยม ดีไซน์ใหม่ สไตล์สปอร์ตหรู
ไฟท้ายแบบมัลติรีเฟลกเตอร์ดีไซน์ใหม่ ลงตัวอย่างมีเอกลักษณ์ สว่าง ปลอดภัย
คิ้วฝากระโปรงท้ายใหม่ โฉบเฉี่ยวด้วยคิ้วโครเมี่ยม หรูหราทุกมุมมอง
ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ พร้อมยางขนาด 185/60R15
ไฟตัดหมอกหน้า ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยการขับขี่ในขณะฝนตกหรือหมอกจัด
กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว หรูหรา ชัดเจน เพิ่มความปลอดภัย
ภายใน…เพลิดเพลินไปกับห้องโดยสารสไตล์สปอร์ตหรู ที่ลงต้วด้วยดีไซน์ล้ำสมัยและสะดวก สบายทุกการใช้งาน

แผงคอนโซลกลางและประตูตกแต่งแบบเมทัลลิกใหม่ เท่ห์ลงตัว
หัวเกียร์หุ้มหนัง พร้อมฐานเกียร์โครเมียมใหม่ หรูหรา ภูมิฐาน
พวงมาลัยหุ้มหนังสไตล์สปอร์ตพร้อมสวิทซ์ควบคุมเครื่องเสียง เพิ่มความสะดวกและปลอดภัยขณะขับขี่
จอแสดง ข้อมูลการขับขี่ MID (Multi-information Display) แสดงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการขับขี่ อาทิ ระยะทางรวม อัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย และความเร็วเฉลี่ยเป็นต้น
ช่องเสียบ AUX สำหรับเครื่องเล่น MP3 ตอบสนองชีวิตทันสมัย ตลอดการเดินทาง
เครื่องยนต์ และระบบกันสะเทือน
พลังขับเคลื่อนที่ลงตัว จากพลังของเครื่องยนต์ ที่ให้อัตราเร่งโดดเด่น และประหยัดน้ำมัน
เครื่องยนต์ 1NZ-FE DOHC 16 วาล์ว VVT-i
ความจุกระบอกสูบ 1,497 ซีซี
แรงม้าสูงสุด 80 กิโลวัตต์ (109ps) / 6,000 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 141 นิวตัน-เมตร / 4,200 รอบต่อนาที
ควบ คุมได้ดั่งใจ ให้ทุกการเดินทางราบรื่น นุ่มนวล ด้วยระบบกันสะเทือนหน้า แม็คเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง และระบบกันสะเทือนหลังแบบ ทอร์ชั่นบีม
ความปลอดภัยแบบป้องกัน

ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ป้องกันล้อล็อกขณะเบรกกระทันหันหรือเบรกบนถนนลื่น
ระบบกระจายแรงเบรก (EBD) ช่วยกระจายแรงเบรกในแต่ละล้อให้ทำงานได้อย่างสมดุล เพื่อ ให้ควบคุมรถได้ดีแม้เบรกในขณะเข้าโค้ง
ระบบเสริมแรงเบรก (BA) จะช่วยเพิ่มแรงเบรกมากขึ้น ในกรณีเบรกกระทันหัน เพื่อให้หยุดรถได้ในระยะที่สั้นกว่า


ความปลอดภัยแบบปกป้อง

โครงสร้างนิรภัย GOA โครงสร้างห้องโดยสารที่แข็งแกร่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซับแรงกระแทกจากการชน


ระบบดูดซับแรงกระแทก โครงสร้างตัวถังนิรภัยที่สามารถดูดซับแรงกระแทก ลดความรุนแรงจากการชนด้วยการกระจายแรงสู่ตัวถัง พร้อมคานนิรภัยด้านหน้าและด้านข้าง


ระบบลดแรงกระแทกศีรษะด้านข้าง ออกแบบเพื่อช่วยลดแรงกระแทกที่ศีรษะของผู้ขับขี่และผู้โดยสารเมื่อเกิดการชน
ถุงลมเสริมความปลอดภัยคู่หน้า SRS ปกป้องทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
โครง สร้างเบาะนั่งแบบ WIL (Whiplash Injury Lessening) ติดตั้งที่เบาะนั่งด้านหน้า เพื่อลดการบาดเจ็บของกระดูกต้นคอ เมื่อเกิดการชนจากด้านหลัง


เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าพร้อมระบบกลไกดึงกลับและผ่อนแรงดึงอัตโนมัติ ช่วยรั้งร่างกายผู้ขับขี่และผู้โดยสารให้แนบกับเบาะเมื่อเกิดการชนและลดการ บาดเจ็บจากการรัดดึง ของระบบเข็มขัดนิรภัย


7 สี รวม 2 สีใหม่ให้คุณโฉบเฉี่ยว ไม่เหมือนใคร

สีแดง.. Blackish Red Mica ใหม่
สีฟ้า..Light Blue Mica Metallic ใหม่
สีขาว..Super white
สีเงิน..Silver Metallic
สีเทา..Medium Silver Metallic
สีดำ..Black Mica
สีทอง..Beige Metallic
8 รุ่น ให้ครอบครอง


1.5G Limited เกียร์อัตโนมัติ 714,000 บาท
1.5G เกียร์อัตโนมัติ 684,000 บาท
1.5ES เกียร์อัตโนมัติ 639,000 บาท
1.5E เกียร์อัตโนมัติ 609,000 บาท
1.5E เกียร์ธรรมดา 574,000 บาท
1.5J เกียร์อัตโนมัติ 564,000 บาท
1.5J มาตรฐาน เกียร์อัตโนมัติ 549,000 บาท
1.5J มาตรฐาน เกียร์ธรรมดา 514,000 บาท

ที่มา : autospinn

Toyota Corolla ปรับโฉมครั้งใหญ่อีกรอบ

Toyota Corolla ปรับโฉมครั้งใหญ่อีกรอบ สำหรับแฟนๆ ของโตโยต้า โคโรลล่า อัลติสในบ้านเราที่กำลังเฝ้ารอการกระตุ้นตลาดระลอกใหม่ในสไตล์ไมเนอร์เชนจ์ ตามอายุตลาด คราวนี้ได้เห็นแล้วว่าเมื่อปรับโฉมไปแล้วจะมีหน้าตาถูกใจกันหรือไม่…อัลติ สใหม่นี้มีการเปลี่ยนแปลงหลายส่วนดังภาพ อุปกรณ์ต่างๆ อาจจะใช้ร่วมกันรุ่นเดิมไม่ได้เลยโดยเฉพาะรายละเอียดของกระจังหน้าและกันชนหน้า ไฟหน้าออกแบบใหม่ แม็กลาย 5 ก้านทรงสปอร์ต แต่ภายในส่วนใหญ่ยังเหมือนเดิม อัลติสที่นำมาให้ชมนี้ เป็นสเปกที่ขายยุโรป แน่นอนว่าเครื่องยนต์มีความแตกต่างจากบ้านเรา ซึ่งโตโยต้าจะรุกตลาดด้วยทางเลือกที่หลากหลาย เช่น เครื่องยนต์เบนซิน 1,330 ซีซีแบบ Dual VVT-I บล็อกใหม่ มีกำลัง 99 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 15.2 กก.-ม. ที่ 3,800 รอบต่อนาที ซึ่งจะมีการติดตั้งระบบ Start&Stop ที่สามารถดับเครื่องยนต์อัตโนมัติเมื่อจอดติดอยู่กับที่เหมือนกับรถยนต์ ไฮบริด ทำให้การคายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลงมาอยู่ที่ 133 กรัม ตามด้วยรุ่น 1,600 ซีซี แบบ Valvematic กำลังสูงสุด 132 แรงม้า ที่ 6,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 20.9 กก.-ม. ที่ 1,800-2,800 รอบต่อนาที ขณะที่รุ่นเทอร์โบดีเซลแบบ D-4D มีทั้งความจุ 1,400 ซีซี 90 แรงม้า ที่ 3,800 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 15.2 กก.-ม. ที่ 3,800 รอบต่อนาที และ 2,000 ซีซี 177 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 40.7 กก.-ม. ที่ 2,000-2,800 รอบต่อนาที โดยทุกรุ่นส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และมีเกียร์กึ่งอัตโนมัติแบบ Multi-Mode มีขายเฉพาะรุ่น 1,400 ซีซีเท่านั้น ส่วนเกียร์อัตโนมัติไม่ได้ระบุว่าจะมีขายด้วยหรือไม่ ในยุโรปจะเริ่มขายแล้ว จากนั้นก็คงมีการทยอยปรับโฉมกันเรื่อยๆ ส่วนบ้านเราคงต้องรอดูต่อไป เพราะอัลติสที่ขายอยู่เปิดตัวล่าช้ากว่าตลาดแห่งอื่นๆ เหมือนกัน ซึ่งถ้าเป็นไปตามลำดับของตลาดแล้ว ก็คงจะเปิดตัวประมาณเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมปี 2011 เป็นอย่างช้าที่สุด เพราะโตโยต้าชอบเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ช่วงเวลานี้เสียด้วย

ที่มา : Manager

Toyota Auris Hybrid เติมเต็มเพื่อยอดขายตามเป้า

Toyota Auris Hybrid เติมเต็มเพื่อยอดขายตามเป้า สำหรับคนทั่วไป การเปิดตัว ออริส ไฮบริด ออกสู่ตลาดก็คงไม่มีอะไรมากไปกว่าการเปิดตัวรถยนต์ใหม่สักรุ่นออกมาสร้างสีสัน แต่ถ้ามองอีกแง่ ตรงนี้คือความพยายามของโตโยต้าในการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถยนต์สำหรับคนหมู่มาก และต้องยอมรับว่า เทคโนโลยีไฮบริดที่เคยถูกมองว่าเป็นของไกลตัวนับตั้งแต่เปิดตัวออกมาครั้งแรกเมื่อ 13 ปีที่แล้ว ณ ปัจจุบัน กลับอยู่ใกล้ตัวมากกว่าที่คิดกัน
ตรงนี้เป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายที่โตโยต้าประกาศเอาไว้คือ การตั้งเป้าทำยอดขายต่อปีของรถยนต์ไฮบริดทั่วโลกให้อยู่ในระดับ 1 ล้านคันภายในทศวรรษที่ 2010 ทว่าการบรรลุภารกิจนี้โดยมีทางเลือกในตลาดแค่พริอุส หรือผลผลิตจากแบรนด์ระดับหรูอย่างเลกซัส RX400h, GS450h หรือ LS600h รวมถึงการเปิดตัวรถยนต์ไฮบริดที่เป็นเวอร์ชั่น JDM เช่น คราวน์ ไฮบริด หรือเอสติมา ไฮบริด สำหรับขายในบ้านตัวเองที่ญี่ปุ่น คงไม่เพียงพอในการเดินหน้าไปสู่เป้าหมายที่วางเอาไว้

ดังนั้น การเปิดตัวทางเลือกใหม่ๆ ออกสู่ตลาดจึงจำเป็น และโตโยต้ายืนยันว่าจะมีการผลิตรถยนต์ไฮบริดรุ่นใหม่ออกมาขายรวม 8 รุ่นนับจากปี 2010 เป็นต้นไป อีกทั้งแนวคิดการขยายกลุ่มลูกค้าลงสู่ฐานล่างของพีระมิดที่มีปริมาณของลูกค้าเป็นจำนวนมากจึงเป็นทางออกที่เหมาะสมที่สุด

และนั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมในช่วงปี 2009 ที่ผ่านมา โตโยต้าพยายามเปิดตัวรถยนต์ไฮบริดออกสู่ตลาดหลายรุ่น และระบบไฮบริดที่เคยอยู่ในรถยนต์ระดับหรูถูกส่งมาติดตั้งในรถยนต์ระดับคนธรรมดาทั่วไปสามารถซื้อได้อย่างคัมรี่ รวมถึงการเปิดตัวทางเลือกใหม่ของรถยนต์แบบ Dedicated Hybrid จากโรงงานอย่างโตโยต้า SAI (ในญี่ปุ่น) และเลกซัส HS250h โดยมีอีกทางออกที่เข้ามาช่วยเสริมก็คือ การนำระบบไฮบริดมาใช้กับรถยนต์ยอดนิยมอย่างออริส ซึ่งเป็นรถยนต์ในกลุ่มคอมแพกต์คาร์ที่แชร์พื้นฐานเดียวกับโคโรลล่า

มองจากตรงนี้แล้ว โตโยต้ากำลังพยายามทำให้เครื่องยนต์ไฮบริดเกิดความคุ้มค่าในเชิง Economy of Scale ก็คือ การนำเทคโนโลยีไฮบริดมาใช้กับรถยนต์ที่มียอดจำหน่ายมาก เพื่อทำให้ปริมาณการผลิตที่มากขึ้นมีส่วนช่วยให้ต้นทุนของระบบไฮบริดถูกลง

เพราะขุมพลังไฮบริดแบบ 4 สูบ 2400 ซีซี.ที่วางอยู่ในคัมรี่ ไฮบริด ก็ถูกนำมาวางใน SAI และ HS250h ส่วนในกรณีของออริส คือ แชร์พื้นฐานร่วมกับขุมพลัง 2ZR-FXE แบบ 4 สูบ 1800 ซีซี.แบบ Atkinson Cycle ขนาด 98 แรงม้าบวกกับมอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อช่วยในการขับเคลื่อนของพริอุสรุ่นใหม่ล่าสุด ขณะที่ตัวเทคโนโลยีไฮบริดเอง ถึงปัจจุบัน มูลค่าของต้นทุนโดยเฉพาะในส่วนของแบตเตอรี่ที่เคยถูกมองว่าเป็นกำแพงที่สูงในการสกัดกั้นไม่ให้รถยนต์ไฮบริดกลายเป็นผลผลิตแบบ Mass Production ก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป

ผลที่ต่อเนื่องจากแนวคิดนี้คือ ราคาที่ถูกลง และทำให้มีราคาต่างจากรถยนต์โมเดลเดียวกันแต่ใช้เครื่องยนต์แบบสันดาปภายในปรกติไม่มากเท่าไรนัก อย่างออริส ไฮบริดที่เป็นโปรเจกต์ซึ่งโตโยต้าประกาศออกมาโดยยึดโรงงานใน Burnaston ประเทศอังกฤษ ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ในรุ่นไฮบริดเริ่มต้นที่ 18,950 ปอนด์ หรือ 928,000 บาท แพงกว่ารุ่นท็อปของออริสเพียง 2,000 ปอนด์ หรือ 98,000 บาทเท่านั้น ขณะที่พริอุสใหม่มีราคาเริ่มต้น 19,505 ปอนด์ หรือ 955,000 บาท

นอกจากเรื่องของการบรรลุเป้าหมายแล้ว การเปิดตัวออริส ไฮบริด ซึ่งมีขึ้นในยุโรปเป็นแห่งแรก และแห่งเดียวนั้น ยังถือว่ามีส่วนสำคัญในการทำให้โตโยต้ากลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่สุดในยุโรป ทาง วิลลี่ ทอมบอย ผู้อำนวยการฝ่ายสิ่งแวดล้อมของ TME-Toyota Motor Europe กล่าวว่า 'แน่นอนที่สุด โตโยต้าต้องการเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด' และออริส ไฮบริด ก็จะช่วยพวกเขาได้หลังจากเริ่มขายในยุโรปเดือนกรกฎาคมนี้

ในตอนนี้ เฟียตครองตำแหน่งผู้ผลิตรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด โดยตัวเลขนี้วัดจากค่ารวมของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของรถยนต์ทุกรุ่นที่วางขายอยู่ในตลาดรวมกับตัวเลขยอดขายของรถยนต์เหล่านั้น โดยในปี 2009 เฟียตมีตัวเลขนี้อยู่ที่ 127.8 กรัมต่อการใช้งาน 1 กิโลเมตร นำเป็นอันดับที่ 1 ขณะที่โตโยต้าพยายามที่จะทำผลงานให้ดี และทำได้ดีขึ้น เพราะสามารถลดตัวเลขจาก 144.9 กรัมต่อ 1 กิโลเมตรในปี 2008 มาเป็น 130.1 กรัมต่อ 1 กิโลเมตรในปีที่แล้ว

เมื่อบวกกับการเข้ามาของออริส ไฮบริด และการขายของพริอุส ไฮบริด ก็จะช่วยได้มาก เพราะในปีนี้ โตโยต้าตั้งเป้ายอดขายออริส ไฮบริด เอาไว้ที่ 14,000 คัน และเพิ่มเป็น 30,000 คันสำหรับยอดขายเต็มปีในปี 2011 ถ้าเป็นไปตามนี้ โอกาสอีกเป้าหมายที่วางเอาไว้ก็มีสูงมาก

ส่วนบ้านเราก็ต้องรอลุ้นกันว่า 'รถยนต์ไฮบริด' ที่ข่าวแว่วว่าโตโยต้าจะผลิตจากโรงงานในบ้านเราเพื่อขาย และเปิดตัวในปลายปีนี้ จะเป็น 'พริอุสใหม่' หรือว่า 'โคโรลล่า ไฮบริด' ที่เดินตามรอยแนวทางเดียวกับ ออริส ไฮบริด ในยุโรป และเคยมีข่าวลืออยู่ในโลกไซเบอร์หรือไม่นั้น...อีกไม่นานคงจะได้คำตอบกัน

Toyota Auris Hybrid เติมเต็มเพื่อยอดขายตามเป้า
ที่มาโดย ผู้จัดการ 360° รายสัปดาห์

อีกแล้ว โตโยต้าเรียกรถซ่อม

อีกแล้ว โตโยต้าเรียกรถซ่อม กลายเป็นปีแห่งการเรียกรถยนต์กลับคืนมาซ่อม หรือ Recall สำหรับค่ายโตโยต้า เพราะหลังจากที่เมื่อต้นปีต้อง Recall ล็อตใหญ่หลายล้านคันจนกลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลก ตอนนี้โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น หรือ TMC ต้อง Recall ล็อตใหญ่อีกครั้งหลังจากตรวจพบว่ารถยนต์ทั้งแบรนด์เล็กซัส และโตโยต้ามีปัญหาที่สปริงวาล์ว ซึ่งอาจจะนำไปสู่ปัญหาใหญ่สุดคือ เครื่องยนต์ดับได้
ตัวเลขการ Recall ครั้งนี้อยู่ที่ 270,000 คันทั่วโลก โดยจำนวน 138,000 คันเป็นรถยนต์ที่ขายอยู่ในตลาดสหรัฐอเมริกาซึ่งส่วนใหญ่เป็นรถยนต์แบรนด์เล็กซัสที่ใช้เครื่องยนต์วี6 3,500 ซีซี รวมถึงวี8 4,600 และ 5,000 ซีซี ซึ่งวางอยู่ในรถยนต์รุ่น IS, GS และ LS โมเดลปี 2006, 2007 และ 2008 เช่นรุ่น GS 350, GS 450h, GS 460, IS 350, LS 460, LS 600h และ LS 600h L ส่วนโมเดลปี 2009 และ 2010 ไม่ได้รับผิดกระทบในครั้งนี้

ทางโตโยต้าได้บอกกับทาง NHTSA หรือ The National Highway Traffic Safety Administration หน่วยงานด้านความปลอดภัยบนท้องถนนของสหรัฐอเมริกาว่า การนำรถยนต์เข้าซ่อมในครั้งนี้ไม่มีการคิดค่าบริการแต่อย่างใด

สำหรับจุดเริ่มต้นของการ Recall ครั้งนี้มาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่นซึ่งมีเสียงบ่นของลูกค้าสำหรับปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ซึ่งทางโตโยต้าเผยว่าความบกพร่องของสปริงวาล์วเครื่องยนต์ ทำให้เกิดปัญหาเล็กน้อยตั้งแต่เสียงเครื่องยนต์ดังผิดปกติ ไปจนถึงเครื่องยนต์เดินผิดปกติในรอบเดินเบา และหนักสุดคือเครื่องยนต์ดับ ซึ่งทางโตโยต้ายบอกว่ามีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก
ในญี่ปุ่นรถยนต์ที่อยู่ในข่ายถูกเรียกคืนมาซ่อมนอกจากเล็กซัสแล้ว ก็มีโตโยต้า คราวน์ ซึ่งเป็นโมเดลที่ขายเฉพาะในบ้านตัวเอง โดยคาดว่าโตโยต้าจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการ Recall ครั้งนี้ประมาณ 227.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 7,300 ล้านบาท

ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ ในวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา ทางโตโยต้ามีการ Recall รถยนต์ของเล็กซัสมาก่อน เมื่อประกาศหยุดการขายรถยนต์รุ่น HS250h ของเล็กซัสในตลาดอเมริกาและแคนาดาชั่วคราว และเรียกรถยนต์จำนวน 17,000 คันที่ขายไปแล้วกลับมาซ่อมแซมหลังจากที่มีรายงานว่าเกิดปัญหาน้ำมันรั่วหลังจากที่ถูกชนทางด้านท้ายด้วยความเร็ว 50 ไมล์/ชั่วโมง หรือ 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง ขณะที่การทดสอบชนของโตโยต้าไม่พบปัญหานี้เกิดขึ้น

ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

โตโยต้าปรับโฉม “The Style by Toyota”

โตโยต้าปรับโฉม “The Style by Toyota” โตโยต้า เตรียมปรับโฉมอาคาร The Style by Toyota สยามสแควร์ เน้นรูปแบบภายนอกทันสมัย ภายในอัดความรู้ เทคโนโลยี ความบันเทิงเพียบ พร้อมเปิดให้บริการอีกครั้งเดือนตุลาคมนี้

วิเชียร เอมประเสริฐสุข ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนปรับปรุงอาคาร The Style by Toyota โดยให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสประสบการณ์อันน่าตื่นตาไปกับเทคโนโลยีของโตโยต้า แต่ยังคงความเป็น Edutainment ซึ่งบริษัทจะปรับปรุงด้านนอกอาคารให้ดูโดดเด่นทันสมัย และเน้นการประหยัดพลังงาน ส่วนภายในอาคารได้ติดตั้งอุปกรณ์ด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด และปรับเปลี่ยนโทนสีภายในให้ดูทันสมัย และจัดแบ่งพื้นที่ออกเป็นส่วนต่างๆ อาทิ ส่วนจัดแสดงเทคโนโลยียานยนต์ที่ล้ำสมัยผ่านรถยนต์ต้นแบบของโตโยต้า สัมผัสประสบการณ์ตรงกับรถยนต์โตโยต้ารุ่นต่างๆ โดยเฉพาะ รถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการเข้าร่วมกิจกรรม CSR กับโตโยต้าอีกด้วย

“the Style by Toyota โฉมใหม่ จะสามารถขยายกลุ่มเป้าหมายกว้างขึ้น ตั้งแต่ กลุ่มวัยรุ่นและกลุ่มวัยทำงาน เราคาดหวังว่าอาคารใหม่นี้ จะเป็นแหล่งพบปะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของผู้คนทุกวัย นอกจากนี้ เรายังได้วางแผนจัดกิจกรรมต่างๆ ให้เหมาะสมตรงกับความต้องการของผู้ใช้บริการ ไม่ว่าจะเป็นกิจรรมดนตรี แฟชั่น กีฬา และกิจกรรมอื่นๆ ที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ สำหรับการปิดปรับปรุงในครั้งนี้ จะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน คาดว่าจะเปิดบริการอีกครั้งในเดือนตุลาคม 2553”

ทั้งนี้โตโยต้าได้เปิดอาคารดังกล่าวเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2549 ใจกลางสยามสแควร์ หวังให้เป็นสถานที่พบปะ เพิ่มสีสันเพื่อการเรียนรู้ผสานความบันเทิงในรูปแบบ “Edutainment” พร้อมข้อมูลข่าวสาร ความเคลื่อนไหวในด้านบันเทิง แฟชั่น ดนตรี กีฬา และศิลปะแขนงต่างๆ และยังเป็นสถานที่ที่เปิดโอกาสให้เยาวชนได้แสดงความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ อาทิ การจัด workshop การออกแบบ โดยนักออกแบบชื่อดัง การบันทึกรายการ My Style My MTV เป็นต้น ตลอดระยะเวลาในการดำเนินงานกว่า 4 ปี ได้มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมภายในอาคารสูงถึง 965,000 คน และมีสมาชิกอีกกว่า 63,400 คน
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

โตโยต้าส่งออกวีโก้-ฟอร์จูนเนอร์ครบล้านคัน

โตโยต้าส่งออกวีโก้-ฟอร์จูนเนอร์ครบล้านคัน โตโยต้าฉลองความสำเร็จในการส่งออก “ปิกอัพไฮลักซ์ -พีพีวี ฟอร์จูนเนอร์” เข้าสู่ตลาดโลก ครบ 1 ล้านคัน ภายใต้โครงการ IMV: “Innovative International Multi-Purpose Vehicle”

หลังบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เริ่มแนะนำรถในโครงการ IMV เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2547 ภายใต้ชื่อ “ไฮลักซ์ วีโก้” และได้แนะนำ “ฟอร์จูนเนอร์” รถอเนกประสงค์ขับเคลื่อน 4 ล้อ รถยนต์อีกรุ่นหนึ่งในโครงการ IMV เข้าสู่ตลาดครั้งแรก ในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2547 พร้อมได้รับการตอบรับจากลูกค้า ที่สำคัญยังเป็นการยกระดับครั้งสำคัญของโตโยต้า ที่ทำให้ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เป็นฐานการผลิตในระดับโลกสำหรับรถกระบะ ขนาด 1 ตันและ รถยนต์อเนกประสงค์ จากจุดเริ่มต้นในการส่งออกสู่ลูกค้ากว่า 90 ประเทศ และขยายไปยังลูกค้า ใน 108 ประเทศ และมีแผนการที่จะขยายตลาดส่งออกอีก 9 ประเทศภายในเดือนตุลาคม 2553 รวมประเทศที่ส่งออกรถยนต์ในโครงการ IMV ทั้งสิ้น 117 ประเทศ

สำหรับ ไฮลักซ์ วีโก้ และ ฟอร์จูนเนอร์ ได้รับความนิยมจากลูกค้าชาวไทยเป็นอย่างสูง ด้วยกระแสตอบรับอย่างดีตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ และต่อเนื่องจนมียอดจำหน่ายสูงสุดติดต่อกันถึง 4 ปี ครองส่วนแบ่งตลาดภายในประเทศถึงกว่า 40% และยังยืนยันได้จากยอดการผลิตทั้งหมด ที่บรรลุ 1 ล้านคัน ไปแล้ว ตั้งแต่ปี พ.ศ.2551

เคียวอิจิ ทานาดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า โครงการไอเอ็มวี ไม่เพียงจะเป็นรถยนต์ที่มีส่วนแบ่งตลาดในประเทศสูงสุดเป็นอันดับ 1 เท่านั้น ในส่วนของภาคการส่งออก ยังสามารถครองส่วนแบ่งของการส่งออกรถกระบะสูงสุด มากกว่า 37% ของการส่งออกรถกระบะทั้งหมด”

“นอกจากนี้ยังทำการการส่งออกรถยนต์ภายใต้โครงการ ไอเอ็มวี ครบ 1 ล้านคัน โดยมีมูลค่าการส่งออกรถยนต์สะสมกว่า 430,000 ล้านบาท รวมกับการส่งออกชิ้นส่วนอะไหล่สะสมคิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 138,000 ล้านบาท สามารถนำเงินตรากลับสู่ประเทศไทยสร้างรายได้สะสมคิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 568,000 ล้านบาท”

“โครงการไอเอ็มวี นำมาซึ่งความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งของโตโยต้า ที่มีโอกาสในการส่งเสริมเศรษฐกิจและพัฒนาการของประเทศ ด้วยการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดถึงกว่า 30,000 ล้านบาท พร้อมด้วยการสร้างงานให้กับคนไทยกว่า 30,000 ตำแหน่ง ใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตภายในประเทศสูงสุดถึง 94% และยังมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ประเทศไทยอีกเป็นจำนวนมาก อาทิการนำเทคโนโลยี การผลิตอันล้ำสมัย ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มาใช้ที่โรงงานโตโยต้า บ้านโพธิ์ ซึ่งเป็น 1 ใน 5 โรงงานแห่งความยั่งยืน (Sustainable Plant) และถือเป็นต้นแบบของเครือข่ายการผลิต รถยนต์โตโยต้าทั่วโลก ที่สำคัญโตโยต้า พร้อมแล้ว ที่จะเดินหน้าผลักดันให้โครงการไอเอ็มวี สมกับเป็น “Product Champion” ของประเทศไทยในระดับโลก และเป็นกลไกที่สำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยให้มีความเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน” นายทานาดะ กล่าว

ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

รายการบล็อกของฉัน