
ดังนั้น การเปิดตัวทางเลือกใหม่ๆ ออกสู่ตลาดจึงจำเป็น และโตโยต้ายืนยันว่าจะมีการผลิตรถยนต์ไฮบริดรุ่นใหม่ออกมาขายรวม 8 รุ่นนับจากปี 2010 เป็นต้นไป อีกทั้งแนวคิดการขยายกลุ่มลูกค้าลงสู่ฐานล่างของพีระมิดที่มีปริมาณของลูกค้าเป็นจำนวนมากจึงเป็นทางออกที่เหมาะสมที่สุด
และนั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมในช่วงปี 2009 ที่ผ่านมา โตโยต้าพยายามเปิดตัวรถยนต์ไฮบริดออกสู่ตลาดหลายรุ่น และระบบไฮบริดที่เคยอยู่ในรถยนต์ระดับหรูถูกส่งมาติดตั้งในรถยนต์ระดับคนธรรมดาทั่วไปสามารถซื้อได้อย่างคัมรี่ รวมถึงการเปิดตัวทางเลือกใหม่ของรถยนต์แบบ Dedicated Hybrid จากโรงงานอย่างโตโยต้า SAI (ในญี่ปุ่น) และเลกซัส HS250h โดยมีอีกทางออกที่เข้ามาช่วยเสริมก็คือ การนำระบบไฮบริดมาใช้กับรถยนต์ยอดนิยมอย่างออริส ซึ่งเป็นรถยนต์ในกลุ่มคอมแพกต์คาร์ที่แชร์พื้นฐานเดียวกับโคโรลล่า
มองจากตรงนี้แล้ว โตโยต้ากำลังพยายามทำให้เครื่องยนต์ไฮบริดเกิดความคุ้มค่าในเชิง Economy of Scale ก็คือ การนำเทคโนโลยีไฮบริดมาใช้กับรถยนต์ที่มียอดจำหน่ายมาก เพื่อทำให้ปริมาณการผลิตที่มากขึ้นมีส่วนช่วยให้ต้นทุนของระบบไฮบริดถูกลง
เพราะขุมพลังไฮบริดแบบ 4 สูบ 2400 ซีซี.ที่วางอยู่ในคัมรี่ ไฮบริด ก็ถูกนำมาวางใน SAI และ HS250h ส่วนในกรณีของออริส คือ แชร์พื้นฐานร่วมกับขุมพลัง 2ZR-FXE แบบ 4 สูบ 1800 ซีซี.แบบ Atkinson Cycle ขนาด 98 แรงม้าบวกกับมอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อช่วยในการขับเคลื่อนของพริอุสรุ่นใหม่ล่าสุด ขณะที่ตัวเทคโนโลยีไฮบริดเอง ถึงปัจจุบัน มูลค่าของต้นทุนโดยเฉพาะในส่วนของแบตเตอรี่ที่เคยถูกมองว่าเป็นกำแพงที่สูงในการสกัดกั้นไม่ให้รถยนต์ไฮบริดกลายเป็นผลผลิตแบบ Mass Production ก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
ผลที่ต่อเนื่องจากแนวคิดนี้คือ ราคาที่ถูกลง และทำให้มีราคาต่างจากรถยนต์โมเดลเดียวกันแต่ใช้เครื่องยนต์แบบสันดาปภายในปรกติไม่มากเท่าไรนัก อย่างออริส ไฮบริดที่เป็นโปรเจกต์ซึ่งโตโยต้าประกาศออกมาโดยยึดโรงงานใน Burnaston ประเทศอังกฤษ ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ในรุ่นไฮบริดเริ่มต้นที่ 18,950 ปอนด์ หรือ 928,000 บาท แพงกว่ารุ่นท็อปของออริสเพียง 2,000 ปอนด์ หรือ 98,000 บาทเท่านั้น ขณะที่พริอุสใหม่มีราคาเริ่มต้น 19,505 ปอนด์ หรือ 955,000 บาท
นอกจากเรื่องของการบรรลุเป้าหมายแล้ว การเปิดตัวออริส ไฮบริด ซึ่งมีขึ้นในยุโรปเป็นแห่งแรก และแห่งเดียวนั้น ยังถือว่ามีส่วนสำคัญในการทำให้โตโยต้ากลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่สุดในยุโรป ทาง วิลลี่ ทอมบอย ผู้อำนวยการฝ่ายสิ่งแวดล้อมของ TME-Toyota Motor Europe กล่าวว่า 'แน่นอนที่สุด โตโยต้าต้องการเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด' และออริส ไฮบริด ก็จะช่วยพวกเขาได้หลังจากเริ่มขายในยุโรปเดือนกรกฎาคมนี้
ในตอนนี้ เฟียตครองตำแหน่งผู้ผลิตรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด โดยตัวเลขนี้วัดจากค่ารวมของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของรถยนต์ทุกรุ่นที่วางขายอยู่ในตลาดรวมกับตัวเลขยอดขายของรถยนต์เหล่านั้น โดยในปี 2009 เฟียตมีตัวเลขนี้อยู่ที่ 127.8 กรัมต่อการใช้งาน 1 กิโลเมตร นำเป็นอันดับที่ 1 ขณะที่โตโยต้าพยายามที่จะทำผลงานให้ดี และทำได้ดีขึ้น เพราะสามารถลดตัวเลขจาก 144.9 กรัมต่อ 1 กิโลเมตรในปี 2008 มาเป็น 130.1 กรัมต่อ 1 กิโลเมตรในปีที่แล้ว
เมื่อบวกกับการเข้ามาของออริส ไฮบริด และการขายของพริอุส ไฮบริด ก็จะช่วยได้มาก เพราะในปีนี้ โตโยต้าตั้งเป้ายอดขายออริส ไฮบริด เอาไว้ที่ 14,000 คัน และเพิ่มเป็น 30,000 คันสำหรับยอดขายเต็มปีในปี 2011 ถ้าเป็นไปตามนี้ โอกาสอีกเป้าหมายที่วางเอาไว้ก็มีสูงมาก
ส่วนบ้านเราก็ต้องรอลุ้นกันว่า 'รถยนต์ไฮบริด' ที่ข่าวแว่วว่าโตโยต้าจะผลิตจากโรงงานในบ้านเราเพื่อขาย และเปิดตัวในปลายปีนี้ จะเป็น 'พริอุสใหม่' หรือว่า 'โคโรลล่า ไฮบริด' ที่เดินตามรอยแนวทางเดียวกับ ออริส ไฮบริด ในยุโรป และเคยมีข่าวลืออยู่ในโลกไซเบอร์หรือไม่นั้น...อีกไม่นานคงจะได้คำตอบกัน
Toyota Auris Hybrid เติมเต็มเพื่อยอดขายตามเป้า
ที่มาโดย ผู้จัดการ 360° รายสัปดาห์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น