โตโยต้าควงเทสล่าเปิดโรงงานผลิตรถไฟฟ้า

โตโยต้าควงเทสล่าเปิดโรงงานผลิตรถไฟฟ้า โตโยต้า มอเตอร์ ผนึกกำลัง ร่วมเป็นพันธมิตรกับเทสลา มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์พลังไฟฟ้าชื่อดังของสหรัฐอเมริกา ร่วมลงทุนเพื่ออาศัยองค์ความรู้ทางด้านการผลิตรถยนต์ EV สำหรับต่อยอดการผลิตรถยนต์พลังไฟฟ้าเป็นของตัวเอง พร้อมกับปัดฝุ่นโรงงานประกอบรถยนต์ NUMMI ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ให้กลับมาดำเนินงานอีกครั้งเพื่อเป็นไลน์ผลิตให้กับเทสล่าสำหรับรุ่นโมเดล เอสที่กำลังจะเริ่มขายในปี 2012

การประกาศความร่วมมือของ 2 ผู้ผลิตรถยนต์ครั้งนี้ได้รับแรงสนับสนุนจากทางมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ในฐานะที่เป็นพื้นที่ตั้งของโรงงาน NUMMI หรือ New United Motor Manufacturing Inc. ซึ่งเป็นโรงงานของจีเอ็ม หรือเจนเนอรัล มอเตอร์สที่ทางโตโยต้าเข้าไปมีส่วนในการร่วมปรับปรุงไลน์ผลิตและเปิดทำการประกอบรถยนต์ที่ทั้ง 2 บริษัทร่วมพัฒนากันขึ้นมาเพื่อขายปี 1984 ก่อนที่เดือนมิถุนายน 2009 หลังการประกาศล้มละลายทางจีเอ็มจะถอนหุ้นออกจาก NUMMI พร้อมกับยุติโครงการพัฒนาร่วมกันกับโตโยต้า และสุดท้ายโรงงานก็ปิดการทำงานไปในต้นปี 2010 ก่อนที่ทางเทสลาจะปัดฝุ่นเปิดไลน์ผลิตอีกครั้ง ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถสร้างงานให้กับคนพื้นที่เมืองฟรีมอนต์ มลรัฐแคลิฟอร์เนียได้มากกว่า 1,000 คน

ทางโตโยต้าจะลงทุนด้วยการทุ่มเงินจำนวน 50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือกว่า 1,500 ล้านบาทสำหรับการซื้อหุ้นทั่วไปของทางเทสล่า แต่ไม่มีการเปิดเผยว่าจำนวนหุ้นที่ทางโตโยต้าซื้อไปนั้นมีสัดส่วนเท่าไร พร้อมกับมีการแลกเปลี่ยนความรู้ทางด้านการผลิตรถยนต์พลังไฟฟ้า ซึ่งเทสล่าได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้บุกเบิกตลาดรถยนต็พลังไฟฟ้าให้กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง และเชื่อว่าความร่วมมือของทั้ง 2 บริษัทจะทำให้ราคาของรถยนต์พลังไฟฟ้าในอนาคตถูกลงจากที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ตามหลักของ Economies of Scale โดยทางเทสล่าหวังที่จะอาศัยการรุกตลาดในเชิงพาณิชย์ของโตโยต้าเข้ามาช่วยลดต้นทุนในการผลิต เช่นเดียวกับศักยภาพในด้านเทคโนโลยีของโตโยต้าซึ่งจะช่วยร่นระยะเวลาการพัฒนารถยนต์พลังไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ ทางด้านเอลอน มัสค์ ซีอีโอของเทสลากล่าวว่า ทางบริษัทจะต้องเตรียมเงินระดับ 200-300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 6,600-9,900 ล้านบาทเอาไว้สำหรับการปรับปรุงไลน์ผลิตของโรงงาน NUMMI โดยส่วนนี้จะมีการกู้เงินจากทางกระทรวงพลังงานของสหรัฐอเมริกาจำนวน 465 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 15,000 ล้านบาทมาใช้ในการทำงาน

อีกทั้งทางมลรัฐแคลิฟอร์เนียจะช่วยทางเทสลาประหยัดค่าใช้จ่ายจำนวน 20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 660 ล้านบาทด้วยการยกเลิกภาษีขายในมลรัฐฯ ซึ่งจะทำให้เทสลามีเงินทุนเพิ่มขึ้นในการผลิตรถยนต์พลังไฟฟ้า ที่ทางมลรัฐแห่งนี้ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่

สำหรับรถยนต์ที่จะขึ้นไลน์ผลิตที่โรงงานแห่งนี้คือ รุ่นโมเดล เอสที่ทางเทสลานำต้นแบบออกเปิดตัวปี 2009 โดยจะมีการผลิตจำนวน 20,000 คันต่อปี และเริ่มขายปี 2012 อีกทั้งยังจะมีผลผลิตใหม่อีกรุ่นที่แชร์พื้นตัวถังร่วมกันตามออกมาขายในอนาคต

ส่วนราคาขายของโมเดล เอสหลังหักเงินช่วยเหลือจากทางภาครัฐแล้ว คาดว่าจะอยู่ในระดับไม่เกิน 50,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 1.6 ล้านบาทกับตัวถังแบบ 4 ประตูที่มีขนาดกลางกึ่งใหญ่ และถือว่าถูกกว่ารุ่นโรดสเตอร์ ซึ่งเป็นสปอร์ตเปิดประทุนเกือบเท่าตัว

ทางด้านโตโยต้าเอง ตอนนี้ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการถึงโปรเจ็กต์รถยนต์พลังไฟฟ้า โดยตอนนี้พวกเขาทุ่มเทความสนใจกับการผลิตรถยนต์ไฮบริดแบบเสียบปลั๊ก หรือ PHEV ออกสู่ตลาดในปีหน้าเป็นอันดับแรก ส่วนตลาดพลังไฟฟ้าหรือ EV คาดว่าน่าจะมีขายปี 2015 ในช่วงเวลาใกล้เคียงกับรถยนต์พลังไฟฟ้าที่ใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิง หรือ Fuel Cell Vehicle

ที่มา โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

Toyota เตรียมเรียกคืน Lexus LS ทั่วโลก รวม 11,500 คัน พบปัญหาระบบพวงมาลัย

Toyota เตรียมเรียกคืน Lexus LS ทั่วโลก รวม 11,500 คัน พบปัญหาระบบพวงมาลัยToyota Motor Corp ยังไม่สิ้นกรรม วันนี้ประกาศเตรียมการเรียก Lexus ตระกูล LS ทุกรุ่นคืน รวมกว่า 11,500 คันทั่วโลก เนื่องจากพบปัญหาของระบบควบคุมพวงมาลัย โดยรุ่นที่คาดว่าจะเรียกคืนมีดังนี้ LS460, LS460L รวมถึงรถไฮบริด LS600h และ LS600hL ที่มีการติดตั้งระบบ Variable Gear Ratio Steering (VGRS) โดยในจำนวน 11,500 คัน มีจำนวนที่ต้องเรียกคืนในสหรัฐอเมริกา 3,800 คัน ในญี่ปุ่น 4,500 คัน และเพียง 40 คันในสหราชอาณาจักร ส่วนใครที่ใช้อยู่ในเมืองไทยก็ควรติดต่อตัวแทนจำหน่ายโดยด่วนครับ
ปัญหาของพวงมาลัยที่ว่าก็คือ หลังจากการเลี้ยวแล้ว พวงมาลัยไม่กลับมายังตำแหน่งเดิมเร็วพอซึ่งเกิดจากปัญหาทางด้านกลไกและโปรแกรม คือมีปัญหาทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์เลยงานนี้ นั่นหมายความว่าเมื่อรถเข้าสู่ทางตรงแต่พวงมาลัยยังไม่กลับเข้ามาสู่ตำแหน่งเริ่มต้น ทำให้รถอาจจะแล่นไปในทิศทางที่ไม่พึงประสงค์
ไม่รู้ว่างานนี้จบแล้ว จะมีอะไรต่อมาอีก เป็นปีที่เหนื่อยมากๆอีกปีหนึ่งของ Toyota หลังจากที่เพิ่งก้าวขึ้นแท่นผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 1 ของโลกไปไม่นานนัก

ที่มา: BusinessWeek , www.autospinn.com

โตโยต้าแถลงกรณีย้ายไลน์ผลิตวีโก้-ฟอร์จูนเนอร์

โตโยต้าแถลงกรณีย้ายไลน์ผลิตวีโก้-ฟอร์จูนเนอร์
โตโยต้า แจงกรณีย้ายไลน์ผลิต ปิกอัพ “วีโก้” และ พีพีวี “ฟอร์จูนเนอร์” จากโรงงาน TAW สำโรง ไปบ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา เผยเป็นการพัฒนาศักยภาพการผลิต รองรับตลาดในประเทศและส่งออก
วีโก้ ดับเบิ้ลแค็บ


จากกรณีสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า โตโยต้าเตรียมปิดโรงงานผลิตรถยนต์ไทยออโตเวิร์กส (TAW) สำโรง สมุทรปราการ(อ่านข่าวย้อนหลังโตโยต้าประกาศปิดโรงงานผลิตรถที่สำโรง เหตุยอดส่งออกตก) ล่าสุด โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย (TMT) ออกแถลงการณ์ด่วน โดย วุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส เปิดเผยว่า บริษัทฯ จะทำการย้ายไลน์การผลิตรถอเนกประสงค์จาก บริษัท ไทยออโต้เวิร์ค จำกัด ไปยัง โรงงานประกอบรถยนต์โตโยต้าบ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อพัฒนาศักยภาพการผลิต ตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม ศกนี้ เป็นต้นไป

“จากการตอบรับอย่างดียิ่งของลูกค้าที่มีต่อรถอเนกประสงค์ ฟอร์จูนเนอร์ และรถกระบะ ไฮลักซ์ วีโก้ แบบ 4 ประตู ทำให้โตโยต้าตัดสินใจย้ายไลน์การผลิตจากโรงงานปัจจุบัน ไปยังโรงงานประกอบรถยนต์โตโยต้าบ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นฐานการผลิตสำคัญสำหรับรถกระบะ และรถอเนกประสงค์ในในโครงการ IMV โดยโรงงานแห่งนี้เป็นโรงงานใหม่ล่าสุดของเครือข่ายโรงงานโตโยต้าในประเทศไทย เริ่มทำการผลิตครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2550 โดยทำการผลิตเพื่อการส่งออกไปยัง 114 ประเทศ ทั่วโลก การย้ายสายการผลิตในครั้งนี้เป็นการพัฒนาศักยภาพการผลิต เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าทั้งตลาดภายในประเทศ และตลาดต่างประเทศ โดยจะเริ่มต้นทำการผลิต ณ ไลน์การผลิตแห่งใหม่ ตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม ศกนี้ เป็นต้นไป”

นายวุฒิกร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับโรงงานประกอบรถยนต์ ไทยออโต้เวิร์ค เป็นการร่วมทุนระหว่าง บริษัท โตโยต้า ออโต้บอดี้ ประเทศญี่ปุ่น และ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จากการย้ายฐานการผลิตในครั้งนี้ จะเป็นการบริหารงานโดย บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เพียงบริษัทเดียว และจะมีการเพิ่มกำลังการผลิต จาก 1 กะ เป็น 2 กะ อีกด้วย


ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

Toyota Corolla : ปรับโฉมครั้งใหญ่อีกรอบ


Toyota Corolla : ปรับโฉมครั้งใหญ่อีกรอบ
สำหรับแฟนๆ ของโตโยต้า โคโรลล่า อัลติสในบ้านเราที่กำลังเฝ้ารอการกระตุ้นตลาดระลอกใหม่ในสไตล์ไมเนอร์เชนจ์ตามอายุตลาด คราวนี้ได้เห็นแล้วว่าเมื่อปรับโฉมไปแล้วจะมีหน้าตาถูกใจกันหรือไม่และอย่างไร โดยตลาดยุโรป โตโยต้าจะส่งรุ่นปรับโฉม หรือไมเนอร์เชนจ์ของโคโรลล่าลงขายในเดือนพฤษภาคมนี้แล้ว ส่วนบ้านเราคาดว่าหน้าตาก็คงจะไม่หนีไปจากนี้เท่าไร เพราะว่าอัลติสที่ขายอยู่ก็เป็นเวอร์ชันเดียวกับที่ขายในตลาดสหรัฐอเมริกา

โคโรลล่าที่ขายอยู่ในตลาดเป็นเจนเนอเรชันที่ 10 ของคอมแพ็กต์ซีดานรุ่นนี้และมีการแบ่งออกเป็น 2 รูปลักษณ์หลักเหมือนกับที่ผ่านมา คือ เวอร์ชันสำหรับขาย?๊ญี่ปุ่น และเวอร์ชันตลาดโลกที่มีขายในตลาดหลักอย่างยุโรป, สหรัฐอเมริกา และไทย โดยญี่ปุ่นเปิดตัวขายก่อนเป็นแห่งแรกช่วงปลายปี 2006 และจากนั้นช่วงปี 2007 โตโยต้านำเวอร์ชันตลาดโลกออกลุยตลาดยุโรป ขณะที่บ้านเราต้องรอจนถึงต้นปี 2008

เมื่อดูจากภายนอกแล้วจะเห็นความแตกต่างจากรุ่นก่อนหน้านี้กับการปรับโฉมอย่างชัดเจน เพราะมีการเปลี่ยนแปลงหลายส่วน เรียกว่าชิ้นส่วนหลักๆ ของรูปลักษณ์ด้านหน้าใช้ร่วมกันรุ่นเดิมไม่ได้เลย โดยเฉพาะรายละเอียดของกระจังหน้าและกันชนหน้าซึ่งเดินตามรอยแนวทางการออกแบบที่คล้ายกับการปรับโฉมของพี่ใหญ่อย่างโตโยต้า คัมรี่ ลายกระจังยังเป็นแบบซี่เหมือนเดิม แต่เป็นซี่แบบมีโค้งเว้าไปตามรอยกรอบของโลโก้ของโตโยต้าบนกระจัง และกันชนหน้าออกแบบลวดลายให้ดูสวยและสปอร์ตขึ้นกว่าเดิม

เช่นเดียวกับไฟหน้ามีการออกแบบใหม่ ซึ่งแม้ว่ารูปทรงของชุดโคมโดยรวมจะดูคล้ายกับของเดิม แต่ทว่าลายเส้นขอบขอบด้านล่างที่ติดกับกันชนหน้ามีการเล่นโค้งและมุมหักที่แตกต่างออกไปอย่างชัดเจน เช่นเดียวกับการเปลี่ยนล้อแม็กเป็นแบบลาย 5 ก้านทรงสปอร์ต

น่าจะเรียกว่าเป็นการปรับโฉมที่ลงทุนเอาเรื่อง เพราะด้านท้ายของโคโรลล่าใหม่ก็มีการปรับปรุงขนานใหญ่เช่นกัน เริ่มจากไฟท้ายซึ่งยังแบ่งเป็นแบบ 2 ส่วนเหมือนเดิม ส่วนที่อยู่ในฝากระโปรงหลังยังเป็นทรงเดิม แต่ปรับเปลี่ยนรายละเอียดของบนเลนส์ของชุดไฟใหม่ ส่วนไฟท้ายอีกส่วนที่อยู่บนตัวถังมีการออกแบบใหม่หมด เช่นเดียวกับกันชนท้าย โดยขนาดของชุดไฟท้ายมีลักษณะแคบลง ซึ่งดูได้จากขอบล่างที่อยู่สูงกว่าขอบล่างของชุดไฟบนฝากระโปรงหลัง แทนที่จะเสมอกันเหมือนกับรุ่นก่อนปรับโฉม เช่นเดียวกับการเปลี่ยนลายขอบเลนส์ไฟท้ายใหม่

มาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะคาดหวังว่าภายในน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง แต่ต้องขอแสดงความเสียใจด้วย เพราะว่ารายละเอียดหลักๆ ยังเหมือนเดิม จะมีก็แค่พวงมาลัยเปลี่ยนใหม่ให้ดูสปอร์ตและกระชับมือขึ้น เช่นเดียวกับของใหม่อย่างกระจกมองหลังแบบ Gentex ซึ่งนอกจากจะมีช่วยลดการสะท้อนของแสงไฟจากรถยนต์ที่ตามมาด้านหลังแล้ว เมื่อเขาเกียร์ถอยหลัง กระจกมองหลังจะกลายเป็นมอนิเตอร์ขนาด 3.3 นิ้วสำหรับแสดงภาพที่ถูกส่งมาจากทางกล้องด้านท้ายรถ เพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกในการถอยจอด อีกทั้งยังให้ความสะดวกสบายด้วยฝากระโปรงหลังที่สามารถสั่งเปิดได้จากรีโมทของตัวรถ

รุ่นนี้เป็นสเปกที่ขายยุโรป แน่นอนว่าเครื่องยนต์มีความแตกต่างจากบ้านเรา ซึ่งโตโยต้าจะรุกตลาดด้วยทางเลือกที่หลากหลาย เช่น เครื่องยนต์เบนซิน 1,330 ซีซีแบบ Dual VVT-I บล็อกใหม่ มีกำลัง 99 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 15.2 กก.-ม. ที่ 3,800 รอบต่อนาที ซึ่งจะมีการติดตั้งระบบ Start&Stop ที่สามารถดับเครื่องยนต์อัตโนมัติเมื่อจอดติดอยู่กับที่เหมือนกับรถยนต์ไฮบริด ทำให้การคายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลงมาอยู่ที่ 133 กรัม

ตามด้วยรุ่น 1,600 ซีซี แบบ Valvematic กำลังสูงสุด 132 แรงม้า ที่ 6,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 20.9 กก.-ม. ที่ 1,800-2,800 รอบต่อนาที ขณะที่รุ่นเทอร์โบดีเซลแบบ D-4D มีทั้งความจุ 1,400 ซีซี 90 แรงม้า ที่ 3,800 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 15.2 กก.-ม. ที่ 3,800 รอบต่อนาที และ 2,000 ซีซี 177 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 40.7 กก.-ม. ที่ 2,000-2,800 รอบต่อนาที โดยทุกรุ่นส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และมีเกียร์กึ่งอัตโนมัติแบบ Multi-Mode มีขายเฉพาะรุ่น 1,400 ซีซีเท่านั้น ส่วนเกียร์อัตโนมัติไม่ได้ระบุว่าจะมีขายด้วยหรือไม่

ในยุโรปจะเริ่มขายแล้ว จากนั้นก็คงมีการทยอยปรับโฉมกันเรื่อยๆ ส่วนบ้านเราคงต้องรอดูต่อไป เพราะอัลติสที่ขายอยู่เปิดตัวล่าช้ากว่าตลาดแห่งอื่นๆ เหมือนกัน ซึ่งถ้าเป็นไปตามลำดับของตลาดแล้ว ก็คงจะเปิดตัวประมาณเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมปี 2011 เป็นอย่างช้าที่สุด เพราะโตโยต้าชอบเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ช่วงเวลานี้เสียด้วย

ที่มา โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

Toyota Corolla Altis ไมเนอร์เชนจ์ เวอร์ชั่นยุโรป ปี 2010 ปรับนอกเปลี่ยนใน ใส่ใจคุณภาพมากขึ้น


Toyota Corolla Altis ไมเนอร์เชนจ์ เวอร์ชั่นยุโรป ปี 2010 ปรับนอกเปลี่ยนใน ใส่ใจคุณภาพมากขึ้น
Toyota ได้เปิดตัว Corolla (Altis) เวอร์ชั่นยุโรป รุ่นไม่เนอร์เชนจ์ของปีนี้ ที่มีการปรับเปลี่ยนทั้งภายในและภายนอกซึ่งเน้นในเรื่องของคุณภาพให้มากขึ้นจากการเปิดเผยของบริษัทฯ โดยภายนอก Corolla รุ่นปี 2010 นี้ ได้ัรับการออกแบบด้านหน้าทั้งหมดทั้งกระจังหน้าบนและล่าง กันชน รวมถึงไฟหน้าที่มีการออกแบบใหม่เช่นกัน ในขณะที่ด้านหลัง ชุดไฟท้ายและกันชนก็มีการออกแบบใหม่ด้วย ครอบกระจกข้างมีการติดตั้งไฟเลี้ยว ส่วนล้ออัลลอยก็ใช้แบบใหม่ตามระเบียบ

ภายในมีการเปลี่ยนแปลงหลักๆตรงที่มีการใช้วัสดุสีเงินตกแต่งแผงหน้าปัด คอนโซลกลาง ที่จับประตู รวมถึงที่แผงสวิทช์ข้างประตู การอัพเกรดในส่วนอื่นๆที่น่าสนใจได้แก่ การเพิ่มฟังค์ชั่นรีโมทคอนโทรลปิดเปิดฝากระโปรงหลัง เบาะนั่งผ้าแบบใหม่ โดยมีชุดหุ้มเบาะด้วยอัลคันทาร่าให้เลือกด้วย

Toyota Corolla รุ่นนี้ใช้ระบบขับเคลื่อนเป็นเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง Dual VVT-i 1.33 ลิตร และ 1.6 ลิตร Valvematic ในขณะที้่เครื่องยนต์ดีเซลเป็นเครื่อง D-4D 1.4 และ 2.0 ลิตรครับ
ที่มา: Toyota,www.autospinn.com

Toyota Corolla Altis ไมเนอร์เชนจ์ เวอร์ชั่นยุโรป ปี 2010 ปรับนอกเปลี่ยนใน ใส่ใจคุณภาพมากขึ้น9.3103
Tagged as: 2010 Toyota Corolla Altis, Corolla Altis, toyota, Toyota Corolla Altis, Toyota Corolla Altis 2010, Toyota Corolla Altis european, อัลติส, โคโรลล่า อัลติส, โตโยต้า อัลติส

รายการบล็อกของฉัน