Toyota Corolla : ปรับโฉมครั้งใหญ่อีกรอบ


Toyota Corolla : ปรับโฉมครั้งใหญ่อีกรอบ
สำหรับแฟนๆ ของโตโยต้า โคโรลล่า อัลติสในบ้านเราที่กำลังเฝ้ารอการกระตุ้นตลาดระลอกใหม่ในสไตล์ไมเนอร์เชนจ์ตามอายุตลาด คราวนี้ได้เห็นแล้วว่าเมื่อปรับโฉมไปแล้วจะมีหน้าตาถูกใจกันหรือไม่และอย่างไร โดยตลาดยุโรป โตโยต้าจะส่งรุ่นปรับโฉม หรือไมเนอร์เชนจ์ของโคโรลล่าลงขายในเดือนพฤษภาคมนี้แล้ว ส่วนบ้านเราคาดว่าหน้าตาก็คงจะไม่หนีไปจากนี้เท่าไร เพราะว่าอัลติสที่ขายอยู่ก็เป็นเวอร์ชันเดียวกับที่ขายในตลาดสหรัฐอเมริกา

โคโรลล่าที่ขายอยู่ในตลาดเป็นเจนเนอเรชันที่ 10 ของคอมแพ็กต์ซีดานรุ่นนี้และมีการแบ่งออกเป็น 2 รูปลักษณ์หลักเหมือนกับที่ผ่านมา คือ เวอร์ชันสำหรับขาย?๊ญี่ปุ่น และเวอร์ชันตลาดโลกที่มีขายในตลาดหลักอย่างยุโรป, สหรัฐอเมริกา และไทย โดยญี่ปุ่นเปิดตัวขายก่อนเป็นแห่งแรกช่วงปลายปี 2006 และจากนั้นช่วงปี 2007 โตโยต้านำเวอร์ชันตลาดโลกออกลุยตลาดยุโรป ขณะที่บ้านเราต้องรอจนถึงต้นปี 2008

เมื่อดูจากภายนอกแล้วจะเห็นความแตกต่างจากรุ่นก่อนหน้านี้กับการปรับโฉมอย่างชัดเจน เพราะมีการเปลี่ยนแปลงหลายส่วน เรียกว่าชิ้นส่วนหลักๆ ของรูปลักษณ์ด้านหน้าใช้ร่วมกันรุ่นเดิมไม่ได้เลย โดยเฉพาะรายละเอียดของกระจังหน้าและกันชนหน้าซึ่งเดินตามรอยแนวทางการออกแบบที่คล้ายกับการปรับโฉมของพี่ใหญ่อย่างโตโยต้า คัมรี่ ลายกระจังยังเป็นแบบซี่เหมือนเดิม แต่เป็นซี่แบบมีโค้งเว้าไปตามรอยกรอบของโลโก้ของโตโยต้าบนกระจัง และกันชนหน้าออกแบบลวดลายให้ดูสวยและสปอร์ตขึ้นกว่าเดิม

เช่นเดียวกับไฟหน้ามีการออกแบบใหม่ ซึ่งแม้ว่ารูปทรงของชุดโคมโดยรวมจะดูคล้ายกับของเดิม แต่ทว่าลายเส้นขอบขอบด้านล่างที่ติดกับกันชนหน้ามีการเล่นโค้งและมุมหักที่แตกต่างออกไปอย่างชัดเจน เช่นเดียวกับการเปลี่ยนล้อแม็กเป็นแบบลาย 5 ก้านทรงสปอร์ต

น่าจะเรียกว่าเป็นการปรับโฉมที่ลงทุนเอาเรื่อง เพราะด้านท้ายของโคโรลล่าใหม่ก็มีการปรับปรุงขนานใหญ่เช่นกัน เริ่มจากไฟท้ายซึ่งยังแบ่งเป็นแบบ 2 ส่วนเหมือนเดิม ส่วนที่อยู่ในฝากระโปรงหลังยังเป็นทรงเดิม แต่ปรับเปลี่ยนรายละเอียดของบนเลนส์ของชุดไฟใหม่ ส่วนไฟท้ายอีกส่วนที่อยู่บนตัวถังมีการออกแบบใหม่หมด เช่นเดียวกับกันชนท้าย โดยขนาดของชุดไฟท้ายมีลักษณะแคบลง ซึ่งดูได้จากขอบล่างที่อยู่สูงกว่าขอบล่างของชุดไฟบนฝากระโปรงหลัง แทนที่จะเสมอกันเหมือนกับรุ่นก่อนปรับโฉม เช่นเดียวกับการเปลี่ยนลายขอบเลนส์ไฟท้ายใหม่

มาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะคาดหวังว่าภายในน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง แต่ต้องขอแสดงความเสียใจด้วย เพราะว่ารายละเอียดหลักๆ ยังเหมือนเดิม จะมีก็แค่พวงมาลัยเปลี่ยนใหม่ให้ดูสปอร์ตและกระชับมือขึ้น เช่นเดียวกับของใหม่อย่างกระจกมองหลังแบบ Gentex ซึ่งนอกจากจะมีช่วยลดการสะท้อนของแสงไฟจากรถยนต์ที่ตามมาด้านหลังแล้ว เมื่อเขาเกียร์ถอยหลัง กระจกมองหลังจะกลายเป็นมอนิเตอร์ขนาด 3.3 นิ้วสำหรับแสดงภาพที่ถูกส่งมาจากทางกล้องด้านท้ายรถ เพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกในการถอยจอด อีกทั้งยังให้ความสะดวกสบายด้วยฝากระโปรงหลังที่สามารถสั่งเปิดได้จากรีโมทของตัวรถ

รุ่นนี้เป็นสเปกที่ขายยุโรป แน่นอนว่าเครื่องยนต์มีความแตกต่างจากบ้านเรา ซึ่งโตโยต้าจะรุกตลาดด้วยทางเลือกที่หลากหลาย เช่น เครื่องยนต์เบนซิน 1,330 ซีซีแบบ Dual VVT-I บล็อกใหม่ มีกำลัง 99 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 15.2 กก.-ม. ที่ 3,800 รอบต่อนาที ซึ่งจะมีการติดตั้งระบบ Start&Stop ที่สามารถดับเครื่องยนต์อัตโนมัติเมื่อจอดติดอยู่กับที่เหมือนกับรถยนต์ไฮบริด ทำให้การคายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลงมาอยู่ที่ 133 กรัม

ตามด้วยรุ่น 1,600 ซีซี แบบ Valvematic กำลังสูงสุด 132 แรงม้า ที่ 6,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 20.9 กก.-ม. ที่ 1,800-2,800 รอบต่อนาที ขณะที่รุ่นเทอร์โบดีเซลแบบ D-4D มีทั้งความจุ 1,400 ซีซี 90 แรงม้า ที่ 3,800 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 15.2 กก.-ม. ที่ 3,800 รอบต่อนาที และ 2,000 ซีซี 177 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 40.7 กก.-ม. ที่ 2,000-2,800 รอบต่อนาที โดยทุกรุ่นส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และมีเกียร์กึ่งอัตโนมัติแบบ Multi-Mode มีขายเฉพาะรุ่น 1,400 ซีซีเท่านั้น ส่วนเกียร์อัตโนมัติไม่ได้ระบุว่าจะมีขายด้วยหรือไม่

ในยุโรปจะเริ่มขายแล้ว จากนั้นก็คงมีการทยอยปรับโฉมกันเรื่อยๆ ส่วนบ้านเราคงต้องรอดูต่อไป เพราะอัลติสที่ขายอยู่เปิดตัวล่าช้ากว่าตลาดแห่งอื่นๆ เหมือนกัน ซึ่งถ้าเป็นไปตามลำดับของตลาดแล้ว ก็คงจะเปิดตัวประมาณเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมปี 2011 เป็นอย่างช้าที่สุด เพราะโตโยต้าชอบเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ช่วงเวลานี้เสียด้วย

ที่มา โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

รายการบล็อกของฉัน