NewToyota เปิดตัวโตโยต้า "พริอุส" ใหม่รถดีที่ปฏิเสธไม่ลง

NewToyota เปิดตัวโตโยต้า "พริอุส" ใหม่รถดีที่ปฏิเสธไม่ลง ก่อนที่คนไทยจะมีโอกาสสัมผัสกับคันจริง “โตโยต้า พริอุส” ในอีก 2 อาทิตย์ข้างหน้า เรามาทำความรู้จักกับรถไฮบริด รุ่นแรกของโลกที่ออกจำหน่ายในเชิงพาณิชย์จนปัจจุบันกลายเป็นรถที่ได้รับการยอมรับในความโดดเด่นเรื่องเทคโนโลยีการขับเคลื่อนระบบไฮบริด ที่ผสานกำลังขับเคลื่อนจากเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าส่งผลให้ พริอุส เป็นรถประหยัดน้ำมันแบบสุดสุด แถมยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญพริอุสมียอดขายสะสมทั่วโลกตั้งแต่เปิดตัวทะลุหลัก 2 ล้านคัน เมื่อเดือนกันยายน ที่ผ่านมา

เพื่อทำความรู้จักกับพริอุส เจเนอเรชันที่ 3 อย่างละเอียด ถูกต้อง ชัดเจน บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด จึงพาสื่อมวลชนไปสัมผัสกันแบบใกล้ชิด ณ เมือง นาโกยา ประเทศญี่ปุ่น โดยมี อากิฮิโกะ โอซึกะ หัวหน้าวิศวกรดูแลโตโยต้าพริอุส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชัน เป็นผู้ให้ความรู้กับสื่อมวลชนไทย แต่ขอบอกไว้ก่อนว่า พริอุส ที่กำลังจะพูดถึงเป็นเวอร์ชันญี่ปุ่น ส่วนเวอร์ชันที่จะประกอบในไทยจะมีรายละเอียดบางอย่างที่แตกต่างจากเวอร์ชันญี่ปุ่น ซึ่งเราคงต้องรอจนถึงวันที่ 16 พฤศจิกายน นี้
สำหรับเจเนอเรชันที่ 3 ของพริอุสได้รับการออกแบบและพัฒนาเทคโนโลยีให้สามารถตอบสนองต่อความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง และสมรรถนะในการขับขี่ที่ขึ้นจาก 2 รุ่น ที่ผ่านมา และครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกของการเปลี่ยนแปลงระบบไฮบริดจากเดิมที่ยึดเครื่องยนต์ 1500 ซีซี มาเป็น 1800 ซีซี ขณะที่รูปแบบตัวถังยังคงสไตล์แฮทช์แบ็กท้ายลาด 5 ประตู แต่จุดที่เปลี่ยนไปคือ ความใส่ใจในเรื่องของหลักอากาศพลศาสตร์ ซึ่งลดค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานหรือ Cd จากเดิม 0.26 ในรุ่นที่แล้วมาอยู่ที่ 0.25 ในรุ่นนี้

พริอุส ใหม่มีขนาดตัวถังยาว 4,460 มิลลิเมตร กว้าง 1,745 มิลลิเมตร สูง 1,490 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อยาว 2,700 มิลลิเมตร เมื่อเปรียบเทียบกับพริอุสรุ่นที่แล้วยาว 4,310 มิลลิเมตร กว้าง 1,715 มิลลิเมตร สูง 1,490 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,700 มิลลิเมตร
รูปลักษณ์ภายนอก ยังคงยึดแนวเส้นสายจากรถรุ่นเดิม แต่ถูกปรับปรุงให้ดูสมดุลและลงตัวกว่าเช่นมุมของกันชนหน้าและชุดไฟท้ายไปจนถึงการออกแบบล้ออัลลอยให้มีฝาครอบล้อ ซึ่งช่วยลดน้ำหนักลงไปจากล้ออัลลอยแบบปกติถึง 7 กิโลกรัม อีกทั้งยังออกแบบใต้พื้นตัวถังให้ลดปัญหาเรื่องความแปรปรวนของอากาศที่ไหลผ่านขณะแล่นซึ่งจะช่วยเพิ่มการยึดเกาะถนนเวลาแล่นด้วยความเร็วสูง และลดการก่อให้เกิดแรงต้านทานของอากาศซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องไปยังอัตราความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง

ขณะเดียวกันชิ้นส่วนภายในห้องโดยสารยังผลิตจากวัสดุที่เป็น Bioplastic ซึ่งเป็นวัสดุที่ถูกสังเคราะห์จากใยพืชหรือหญ้าแทนที่จะเป็นพลาสติกที่มาจากปิโตรเลียมซึ่งย่อยสลายได้ยากตามธรรมชาติ โดยใช้พืชที่เรียกว่าปอแก้ว และหญ้าจีนซึ่งถือเป็นพืชที่มีเส้นใยที่มีความทนทานสูงสุดในธรรมชาติ
แผงหน้าปัดถูกออกแบบให้ดูล้ำสมัยยิ่งขึ้น ตำแหน่งชุดมาตรวัด ดิจิตอล (Digital) ถูกออกแบบให้ช่วยลดการละสายตาของผู้ขับขี่ พวงมาลัยยังคงออกแบบให้มีรูปทรงเหมือนกับพริอุสรุ่นก่อน มีสวิชต์การควบคุมการทำงานของระบบเครื่องเสียงและอื่น ๆ อีกมาก บนหน้าจอจะมีระบบแจ้งสถานะของรถได้ และเลือกเปลี่ยนโหมดต่าง ๆ ได้ด้วยการกดปุ่ม Display

สำหรับห้องโดยสารดูกว้างขวางมาก ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าหรือด้านหลัง และที่สำคัญเบาะนั่งแถวหลังยังแบ่งพับได้ในอัตราส่วน 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่ห้องเก็บของด้านหลังจากเดิม 415 ลิตร มาเป็น 446 ลิตรในรุ่นใหม่

ในรุ่นนี้มีการเปลี่ยนขุมพลังไฮบริดมาเป็นรหัส 2ZR-FXE ซึ่งใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว แบบ Dual-VVT-I มีความจุ 1800 ซีซี พร้อมกำลังขับเคลื่อน 99 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14.5 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้ารหัส 3JM มีกำลังสูงสุด 82 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 21.1 กก.-ม. โดยเมื่อทั้ง 2 ระบบทำงานร่วมกันจะสามารถผลิตกำลังออกมาได้ 134 แรงม้า และใช้แบตเตอรี่แบบนิเกิลเมทัลไฮดรายในการเก็บกระแสไฟฟ้า
ข้อดีของเครื่องยนต์ที่มีความจุมากขึ้นคือแรงบิดที่เพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่ลืมในเรื่องของความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง เพราะมีการออกแบบให้เครื่องยนต์ลดจำนวนรอบลง โดยเฉพาะเมื่อต้องแล่นด้วยความเร็วคงที่บนไฮเวย์ รวมถึงยังใช้ปั๊มน้ำไฟฟ้าเพื่อลดภาระให้กับเครื่องยนต์

ระบบไฮบริดของโตโยต้ารุ่นนี้ จะมีการแบ่งการทำงานของระบบไฮบริดเอาไว้ 3 แบบ คือ Power เน้นสมรรถนะและความเร้าใจ, Eco เน้นความประหยัดน้ำมัน และ EV ซึ่งสามารถขับภายใต้รูปแบบของรถยนต์ไฟฟ้าได้ในช่วงเวลาสั้นๆ โดยอาศัยกระแสไฟฟ้าที่มีอยู่ในแบตเตอรี่เพื่อส่งให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าใช้ในการขับเคลื่อน และนั่นทำให้พริอุสสามารถแปลงร่างเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่มีการปล่อยมลพิษออกสู่อากาศชั่วคราว

เมื่อทราบถึงรายละเอียดคร่าว ๆ ของ พริอุส รุ่นใหม่กันไปแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะลงสนามไปลองขับ สัมผัส คันจริงกันบ้าง
หากคุณมีเงินถึงและอยากได้รถที่มีประโยชน์ใช้สอยสูง สมรรถนะดี ประหยัดน้ำมัน หน้าตาทันสมัย ล้ำยุค ที่สำคัญคุณเป็นคนห่วงใยสิ่งแวดล้อม .....ก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่ซื้อ "พริอุส"
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

รายการบล็อกของฉัน